ทรมานและอุ้มหาย ออกมาใช้บังคับ อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง? The MATTER พบว่าแต่ละร่างมีสาระสำคัญใกล้เคียงกัน โดยสรุปดังนี้ จะมีการกำหนดให้กรณีเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้สมรู้ร่วมคิดไปเกี่ยวข้องกับการกระทำที่เข้าข่ายการ 'ทรมาน' 'บังคับให้บุคคลสูญหาย' และ 'กระทำโหดร้าย.. ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์' มีความผิด กำหนด 'บทลงโทษ' ทางอาญาของผู้ที่กระทำผิดตาม 1. ไว้ โดยจะเพิ่มอัตราโทษให้สูงขึ้น หากผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ชีวิต หรือผู้ถูกกระทำเป็นเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี หญิงตั้งครรภ์ ผู้พิการทางจิตใจ หรือผู้ดูแลตัวเองไม่ได้ กำหนดบทลงโทษของ 'ผู้บังคับบัญชา' เจ้าหน้าที่ของรัฐตาม 1. ให้ต้องรับโทษด้วยกึ่งหนึ่ง หากไม่สอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้ทำผิดกฎหมาย กำหนด 'อายุความ' ของคดีที่เป็นความผิดตาม พ. นี้ไว้ ตั้งแต่ 50 ปีจนถึงไม่มีอายุความ (แตกต่างไปแต่ละร่าง) กำหนดให้มี 'คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย' โดยมี รมว. ยุติธรรมเป็นประธาน กำหนดมาตรการ 'ป้องกัน' เจ้าหน้าที่รัฐทรมานหรืออุ้มหายบุคคลอื่น เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามกับวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ก็พบว่า ร่าง พ.
นี้ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมสภาในช่วงเดือนพ. ย. แต่การพิจารณาจะต้องทำอย่างรอบคอบ และอาจจะเพิ่มวันประชุม "ยืนยันว่าคณะกรรมาธิการมีความตั้งใจที่จะให้กฎหมายฉบับนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมบูรณ์ และจะต้องอนุมัติให้เป็นไปตามอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ประเทศไทยได้ไปลงนามไว้" นายชวลิต กล่าว ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการฯ คนที่ 4 กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้สังคมต้องการและมีองค์กรระดับประเทศจำนวนมากที่มีการติดตามเรื่องนี้อยู่ และโลกก็กำลังจับตามองว่ากฎหมายฉบับนี้ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯมีความตั้งใจในการพิจารณากฎหมายฉบับนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้สามารถเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบต่อไปในสมัยหน้า เพราะเป็นกฎหมายที่สังคมรอคอยมายาวนาน โดยกฎหมายฉบับนี้จะต้องไม่ใช่กฎหมายเพื่อคนบางคน แต่ต้องการสร้างหลักประกันเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าถ้าประกาศใช้สังคมไทยจะมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ทรมานและอุ้มหาย ยังไม่มีกำหนดให้ถูกบรรจุในระเบียบวาระการพิจารณาของที่ประชุมสภาฯ ในเร็วๆ นี้ หากใครที่สนใจและเห็นว่าควรผลักดันให้สภาฯ พิจารณาร่าง พ. นี้ไวๆ ตอนนี้มีผู้ไปตั้งแคมเปญไว้ใน ไปร่วมกันลงชื่อ เพื่อกดดันผู้เกี่ยวข้องกันได้ที่: Illustration by Kodchakorn Thammachart
มีดังนี้ กรณีบ า ด เ จ็ บ 1. สำเนาบัตรประชาชนผู้ประสบอุบัติเหตุ 2. ใบเสร็จรับเงินต้นฉบับ กรณีเบิกค่าชดเชย หรือ ผู้ ป่ ว ยใน 2. ใบรับรองแพทย์ หนังสือรับรองการรักษาตัวเป็นผู้ ป่ ว ย ใน กรณีทุพพลภาพ 2. ใบรับรองแพทย์และหนังสือรับรองความพิการ 3. สำเนาบันทึกประจำวันของพนักงานสอบสวน หรือ หลักฐานอื่นที่แสดงว่าผู้นั้นได้รับ ความเ สี ย หายจากการประสบ ภั ยจากรถ กรณีเ สี ย ชีวิต ในเวลากลางคืนคุณจะสู ญ เ สี ย น้ำหนัก 1 กิโลกรัม หากคุณทำเช่นนี้ก่อนนอน 2. ใบมรณบัตร 3. สำเนาบัตรประชาชนท า ย า ทสำเนาทะเบียนบ้าน 4. สำเนาบันทึกประจำวันในคดีของพนักงานสอบสวน หรือหลักฐานอื่นที่แสดงว่าผู้นั้นถึงแก่ความ ต า ย เพราะการปร ะ ส บ ภั ยจากรถ เมื่อเตรียมเอกส า ร เรียบร้อยแล้ว สาม า ร ถทำเรื่องขอเบิกเงิน จากบริษัทประกัน ภั ย รถยนต์ที่เราซื้อ พ. มา ซึ่งสา ม า ร ถ ดูได้ที่กรมธรรม์ และ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประส บ ภั ยจากรถ จำ กั ด ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ สำหรับรถจักร ย า นยนต์ ซึ่งจะมี การเบิกจ่ายเงินภายใน 7 วัน โดยพ. จะคุ้มครองผู้เ สี ย หาย ในส่วนของคนเท่านั้น ส่วนทรัพย์สิน หรือ ตัวรถจะไม่ได้รับการคุ้มครอง ฉะนั้น ผู้ขับขี่รถยนต์ ควรจะทำประกั น ภั ย รถยนต์ภาคสมัครใจ หรือที่เราเรียกว่าประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นชั้น 1 ชั้น 2 หรือชั้น 3 ก็ควรทำไว้เช่นกัน เพื่อประกันความเ สี่ ย งจากอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้น ขอบคุณแหล่งที่มา khaonaroo
huduology.com, 2024