Modern: Balenciaga Rumba เลเธอร์ (Leather): แฟมิลีของกลิ่นที่ประกอบด้วยกลิ่น น้ำผึ้ง, ยาสูบ, ไม้ และ ยางไม้ ที่ชวนให้นึกถึงกลิ่นหนัง ตัวอย่างดั้งเดิม: Robert Piguet Bandit, Balmain Jolie Madame ชีพร์ (Chypre; สัทอักษรสากล: [ʃipʁ]): เป็นคำ ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ไซปรัส (cyprus) ซึ่งรวมถึงกลิ่นที่เกิดจาก เบอร์กาม็อต, oakmoss และ labdanum ตั้งชื่อตามน้ำหอม François Coty Chypre (1917) ตัวอย่างในยุคใหม่: Guerlain Mitsouko ฟูแฌร์ (Fougère; สัทอักษรสากล: [fu.
ก่อนที่จะเริ่มอ่านบทความนี้ ท่านผู้อ่านทุกท่านลองถามตัวเองก่อนสิครับว่า เคยรู้สึกลังเลใจในการจะที่จะควักกระเป๋าแต่ละครั้งเพื่อนำเงินหลักพันต้นๆมาซื้อน้ำหอมใช้หรือไม่? หรือ บ่อยครั้งที่กลัวว่าซื้อน้ำหอมมาแล้วแต่พอฉีดลงผิวกายกลิ่นดันเปลี่ยนไป ซึ่งกลิ่นอาจจะไม่เข้ากับเราหรืออาจจะเป็นที่รังเกียจของคนรอบข้างหรือไม่? และหลาย ๆ ท่านคงจะยังคลางแคลงใจอยู่ว่า ควรจะฉีดน้ำหอมที่จุดใดของร่างกาย ถึงจะสามารถทำให้น้ำหอมแสดงศักยภาพออกมาได้สูงสุด?
น้ำหอมแบ่งออกเป็น 3 ชนิดหลักๆได้ดังนี้ 1. Eau de Perfume [EDP] คือน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอม ในสัดส่วนที่ 10-20% 2. Eau de Toilette [EDT] คือน้ำหอมที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอม ในสัดส่วนที่ 5-15% 3.
5 ที่ซึ่งดั้งเดิมจัดเป็นฟลอรัลแบบอัลดีไฮด์ (aldehydic floral) จะอยู่ในกลุ่มย่อย ซอฟท์ฟลอรัล (Soft Floral) เป็นต้น อ้างอิง [ แก้] บทความนี้ยังเป็น โครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดย เพิ่มข้อมูล
Eau Fraiche (โอ เฟรช) เป็นน้ำหอมที่เจือจางมากที่สุด โดยจะมีส่วนผสมของหัวน้ำหอมอยู่ที่ 1% - 3% และจะให้กลิ่นอยู่บนร่างกายของเราอยู่ที่ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ 2. Eau de Cologne - EDC (โอ เดอ โคโลญจน์) เป็นน้ำหอมที่เราเรียกกันว่าโคโลญจน์นั่นเองค่ะ น้ำหอมประเภทนี้จะมีส่วนผสมของหัวน้ำหอมที่ 2% - 4% และกลิ่นจะติดอยู่บนตัวเราที่ประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง 3. Eau de Toilette - EDT (โอ เดอ ตัวเลตต์) เป็นน้ำหอมที่พบเจอได้บ่อยตามเคาท์เตอร์แบรนด์ต่างๆ และบางคนก็จะออกเสียงเป็น Toilet (ทอยเลท) ซึ่งการออกเสียงที่ถูกคือ Toilette (ตัวเลตต์) ค่ะ น้ำหอมประเภทนี้จะมีส่วนผสมของหัวน้ำหอม 5%-15% และจะมีกลิ่นติดอยู่บนตัวเราได้ประมาณ 3-5 ชั่วโมง 4. Eau de Parfum - EDP (โอ เดอ พาร์ฟูม) ถือว่าเป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นมากกว่า EDT อีกระดับ โดยจะมีส่วนผสมของหัวน้ำหอมอยู่ที่ 15% - 20% และมีกลิ่นติดอยู่บนตัวของเราประมาณ 6 - 10 ชั่วโมงค่ะ 5. Parfum (พาร์ฟูม) / Perfume (เพอร์ฟูม) ประเภทของน้ำหอม อย่างสุดท้ายคือเพอร์ฟูมค่ะ หมายถึงน้ำหอมที่มีความเข้มข้นของหัวน้ำหอมมากที่สุด โดยมีส่วนผสมอยู่ที่ 20% - 40% และส่วนประกอบที่เหลือจะเป็นแอลกอฮอล์และน้ำค่ะ น้ำหอมประเภทนี้จะสามารถให้กลิ่นติดผิวได้ประมาณ 12 - 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว และเป็นน้ำหอมที่มีราคาแพงที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำหอมประเภทอื่นๆ ซึ่งการใช้น้ำหอมประเภทนี้นั้นทำให้เราไม่จำเป็นจะต้องฉีดเพิ่มในระหว่างวัน ผิดกับน้ำหอมประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะน้ำหอมประเภท Eau Fraiche และ Eau de Cologne ที่พอเมื่อครบ 2 - 3 ชั่วโมงแล้ว ควรมีการฉีดซ้ำระหว่างวันเพื่อให้กลิ่นยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องค่ะ
huduology.com, 2024